วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ทั่วโลกชื่นชมน้ำใจคนไทย ติดอันดับ 9 ประเทศใจบุญ

น้ำใจไทย ติดอันดับ 9 ประเทศใจบุญ เผยขยับขึ้นจากอันดับ 25 จากปีก่อน เนื่องจากความสามัคคีและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา วานนี้ (20 ธันวาคม) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานผลสำรวจและจัดอันดับประเทศที่ใจบุญที่สุดในโลก ประจำปี 2011 หรือ "เวิลด์ กีฟวิ่ง อินเด็กซ์ 2011" ซึ่งผลการสำรวจพบว่า ในปีนี้ประชาชนจำนวนมากอุทิศตนเอง เพื่อช่วยเหลืองานด้านการกุศลมากขึ้น แต่การบริจาคเป็นเงินสดมีจำนวนลดลง เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจ
สำหรับ ผลสำรวจประจำปี ระบุว่า สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่ใจบุญที่สุดในโลก เพราะในปีที่ผ่านมา ทางสหรัฐได้บริจาคเงินเพื่อการกุศลมากถึง 65 เปอร์เซ็นต์ ส่วนประชากรของอเมริกันกว่า 43 เปอร์เซ็นต์ ได้อุทิศตัวทำงานการกุศลกับองค์กรต่าง ๆ และประชากรกว่า 73 เปอร์เซ็นต์ ยินดีที่จะช่วงเหลือผู้คนแปลกหน้าที่ได้รับความเดือดร้อน
ส่วนประเทศที่ได้รับตำแหน่งให้เป็นชาติใจบุญอันดับที่ 2 คือ ประเทศไอร์แลนด์ โดยผลสำรวจพบว่า ชาวไอร์แลนด์กว่า 75 เปอร์เซ็นต์ ได้บริจาคเงินเพื่อการกุศลเป็นประจำทุกเดือน และกว่า 65 เปอร์เซ็นต์ ยินดีที่จะช่วยเหลือคนแปลกหน้าที่ได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้
ประเทศที่ติดอันดับใจบุญอันดับรองลงมา ได้แก่ ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, สหราชอาณาจักร, เนเธอร์แลนด์, แคนาดา, ศรีลังกา, ไทย และ ลาว เป็นต้น
สำหรับ ประเทศไทยเป็นชาติใจบุญติดอันดับ 9 ของโลก และยังเป็นชาติใจบุญอันดับที่ 2 ของทวีปเอเชีย รองจากประเทศศรีลังกา ซึ่งผลสำรวจระบุว่า ประเทศไทยขยับจากอับดับที่ 25 ในปีก่อน ทั้งนี้เนื่องมาจาก ภาพลักษณ์ความสามัคคีของชาวไทยที่กลับมาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ครั้ง ที่ผ่านมา ทำให้ทั่วโลกเห็นว่า คนไทยมีน้ำใจและสามัคคีกันในยามทุกข์ ทั้ง ๆ ที่เมื่อไม่นานมานี้ คนไทยนั้นต้องเผชิญกับความแตกแยกทางการเมืองที่ส่งผลกระทบอย่างหนัก ส่วนประเทศที่ใจบุญน้อยที่สุดในโลกได้แก่ ประเทศมาดากัสการ์ ซึ่งติดอยู่ในอันดับที่ 153 อันดับรองลงมาคือ ประเทศบุรุนดี และ ประเทศกรีซ เนื่องจากประเทศดังกล่าวกำลังประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ทั้งภาวะหนี้ และภาวะล้มละลาย อย่างหนักในช่วงปีที่ผ่านมา
อ่านต่อ >>

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ทำดีถวายในหลวง

โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ บูรณวิทยา ได้กำหนดการจัดงานวันพ่อ ในวันที่ 2 ธค.54


โดยมีรายละเอียดดังนี้


1.จัดกิจกรรม"ทำสมาธี ส่งใจ พ่อหายป่วย" คือการนั่งสมาธิ ทุกเช้าก่อนเข้าเรียนตั้งแต่08.15-08.25 ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย.-2 ธค. 54


2.กิจกรรมนิทรรศการ" รูปฉันกับพ่อ"คือประกวดภาพถ่ายรูของนักเรียนกับบุคคลที่เป็นพ่อหรือเสมือนพ่อ ไม่จำกัดขนาด และเวลาการถ่าย


เพื่อนำมาจัดนิทรรศการ


3.ระดับอนุบาล-ป.1 ประกวดระบายสีภาพในหลวงของเรา มีรางวัลพร้อมเกียรติบัตร


4.ระดับ ป.1-2 ประกวดระบายสีภาพในหลวง และ บรรยายใต้ภาพ ไม่น้อยกว่า 5 บรรทัด มีรางวัลพร้อมเกียรติบัตร


5.ระดับ ป.4-6 ประกวดเขียนเรียนเรียงความ "ทำความดีถวายในหลวง" มีรางวัลพร้อมเกียรติบัตร


6. ระดับม.1-3 ประกวดเรียงความเรื่อง "รักพ่อต้องพอเพียง" มีรางวัลพร้อมเกียรติบัตร


7 จัดกิจกรรม ใสบาตรวันศุกร์ที่ 2 ธค. 54 ณ โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ บูรณวิทยา


โดยจะแบ่งอาหารส่วนหนึ่งไปทำบุญให้ผู้ประสบภัยนำท่วมที่มาพักที่ราชบุรีด้วย


***8*** จัดกิจกรรม "ออมเพื่อพ่อ" โดยโรงเรียนร่วมกับ ธนาคารออมสิน สาขา รอยัลพาร์ค (ห้างซันนี่) เปิดให้บริการเปิดบัญชีนอกสถานที่เพื่อรณรงค์ให้นักเรียนออมเงินเพื่ออนาคต และเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วมกิจกรรมได้ โดยสมุดฝากเงินนี่นักเรียนสามารถนำไปใช้ได้กับธนาคารตามปกติ และสาขานี้ก็เปิดให้บริการวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย


อ่านต่อ >>

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พลังเด็กสร้างโลก

สวัสดีค่ะวันนี้มีเรื่องอยากเล่าให้ได้เก็บไปลองทำดู
คือที่โรงเรียนครูกาญจน์มีปัญหามากเกี่ยวกับการที่ห้ามแม่ค้าไม่ให้ขายของเล่น
แล้วเค้าก็ไม่เชื่อ นำมาขายตลอด
จะไล่ไม่ให้ขายโรงเรียนก็สงสารแต่เขาก็ยังทำเฉย
ครูกาญจน์เคยเข้าร่วมโครงการคนไทยเท่านั้นที่ทำให้เมืองไทยน่าอยู่
ของมูลนิธิทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
และได้มีปรมาจารย์CEO.ท่านหนึ่งแนะนำว่าทำไมเธอไม่สร้างสโลแกนนี้ในโรงเรียน
วันนี้ก็เลยสะกิดต่อมอยากลองมาใช้กับเด็ก ๆ ระดับ ป.1-ป.6
ได้เก็บเอาสโลแกน"คนไทยเท่านั้นที่ทำให้เมืองไทนหน้าอยู่"
มาปลูกฝังเด็กว่า "เด็กบูรณะเท่านนั้นที่ให้บูรณะน่าอยู่"
โดยการให้เด็กรักโรงเรียน รักน้อง ๆ ไม่อยากให้น้องอนุบาลอ้อนพ่อแม่ซื้อ
และอยากให้โรงเรียน สวยงาม
..และแล้ว... วันนี้มีเด็กกลุ่มหนึ่งไปบอกแม่ค้าว่า
"ป้าคุณเค้าไม้ให้ขายของเล่นทำไมป้ายังขายอยู่หล่ะค่ะ?
ป้าขายอย่างอื่นที่มีประโยชน์ก็ได้
หนูเป็นเด็ก เป็นนักเรียนหนูยังเชื่อครูเลย
ทำไมป้าไม่เชื่อที่ครูเค้าขอร้อง..
คนที่ 1 ไป..ป้าก็เฉย ๆ ไม่ตอบ
พอมีคนที่ 2..3 ...4
ป้าคงรู้สึกละอาย บอกว่าพรุ่งนี้จะไม่นำมาขายแล้ว
ครูกาญจน์ก็จะดูซิว่า พลังของเด็ก..จะเปลี่ยนโลกนี้ไดไหมหนอ...
แต่ถ้าเราไม่ย่อท้อที่จะปลูกฝังให้เด็กทำดี
เราก็จะเป็นครูที่มีความสุข..จริงมั๊ยคะ
(ตอนเขียนอมยิ้มอยู่นะคะ)
โรงเรียนไหนจะใช้บ้างก็ไม่ว่ากัน

ขอบคุณสโลแกนตั้งต้น"คนไทยเท่านั้นที่ทำให้เมืองไทยน่าอยู่"
ขอบคุณปรมาจารย์ด้านความคิด พันเอก สุชาติ จันทรวงศ์
ขอบคุณแม่ค้าที่มีจิตสำนึกที่ดี
ขอบคุณนักเรียนที่กล้าหาญที่จะทำดี
ขอบคุณ..ความเป็นครู(ครุ)..ที่ทำให้ ฉัน..ตระหนัก..และไม่ย่อท้อ

ขอบคุณนะคะ
อ่านต่อ >>

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คิดถึงคอลัมภ์นี้



ตอนนี้ยังไม่มีข่าวอะไรแต่มีข้อคิดมาฝากค่ะ
ถ้าเลือกได้ คุณจะเลือกสิ่งใด

ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้านของเธอ และได้เห็นชายชราที่มีเคราสีขาว 3 คน นั่งอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านของเธอ เธอไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร เธอพูดกับเขาว่า
‘ ฉันไม่คิดว่าฉันรู้จักพวกคุณ แต่ท่าทางคุณต้องหิวแน่เลย โปรดเข้ามาในบ้านและทานอะไรซักหน่อยเถอะ'
‘ สามีของเธออยู่ในบ้านไหม' เขาถาม
‘ ไม่' เธอตอบ ‘เขาออกไปข้างนอก'
‘ ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็เขาไปข้างในไม่ได้ดอก ‘ เขาตอบ
ในตอนเย็น เมื่อสามีเธอกับมาบ้าน เธอเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
‘ ไปบอกพวกเขาซิ ฉันกลับมาบ้านแล้ว และเชิญเข้ามาในบ้านเถิด'
เธอก็ออกไปและเชิญพวกชายชรานั้นให้เข้ามาในบ้าน
‘ เราเข้าไปในบ้านพร้อมกันไม่ได้หรอก' เขาตอบ
‘ ทำไมล่ะ' เธอถาม
ชายชราคนหนึ่งอธิบายว่า ‘ เขาชื่อ ความมั่งคั่ง ‘
เขาพูดและชี้ไปยังเพื่อนของเขา และชี้ไปยังอีกคนหนึ่งว่า
‘ เขาคือ ความสำเร็จ และฉันคือ ความรัก ‘
เขากล่าวต่อไปว่า
‘ บัดนี้ จงเข้าไปข้างในและปรึกษากับสามีของเธอว่า คนไหนในพวกเราที่คุณต้องการจะให้เข้าไปในบ้านของคุณ'
เธอกลับเขามาข้างในและบอกกับสามีของเธอ สามีของเธอรู้สึกดีใจมาก
‘ วิเศษจริงๆ ‘ เขากล่าว
‘ เมื่อ เป็นเช่นนี้ เราจะเชิญ ความมั่งคั่ง เมื่อเขาอยู่กับเรา บ้านของเราจะเต็มไปด้วยความมั่งคั่ง'
ฝ่ายภรรยาไม่เห็นด้วย
‘ ที่รัก ทำไมเราไม่เชิญ ความสำเร็จ ล่ะ'
ขณะนั้นลูกสะใภ้ได้ยินทั้งสองกำลังปรึกษา จากมุมหนึ่งของบ้าน เธอก็เข้ามาและแนะนำว่า
‘ จะไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าเราเลือก ความรัก บ้านของเราจะเต็มไปด้วยความรักไง'
‘ เราฟังสิ่งที่ลูกสะใภ้แนะนำเถอะ' สามีกล่าวกับภรรยา
‘ ออกไปข้างนอกและเชิญความรัก เข้ามาเป็นแขกของเราเถอะ'
ภรรยาออกไปและถามชายชราทั้ง 3 ว่า
‘ ใครคือความรัก โปรดเข้ามา และเป็นแขกของเราเถอะ'
ความรักลุกขึ้นและเดินไปยังบ้าน ชายชราอีก 2 คนก็ลุกขึ้นและตามเขาไป ด้วยความประหลาดใจ ภรรยาถาม ความมั่งคั่ง และความสำเร็จว่า
‘ ฉันเชิญเพียงความรัก ทำไมคุณถึงเข้ามาด้วยล่ะ'
ชายชราตอบพร้อมกันว่า
"ถ้าคุณเชิญความมั่งคั่ง หรือ ความสำเร็จคนใดคนหนึ่ง อีกสองคนก็จะอยู่ข้างนอก แต่เมื่อคุณเชิญความรัก ที่ใดที่เขาไป เราจะไปกับเขา ที่ใดมีความรัก ที่นั่นก็จะมีความมั่งคั่งและความสำเร็จ"
(ขอบคุณบทความดีๆ:http://board.postjung.com/519877.html)
อ่านต่อ >>

วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อย่าให้เป็น...รัฐมาร...เลย


                กุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรัก ที่ความเชื่อแบบคริสตชนสอนให้รักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง และจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ เป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาติโมกข์ คำสอนที่เป็นหัวใจของพุทธศาสนาแก่พุทธสาวก และปรากฎการณ์สำคัญที่เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต
                แต่ดูเหมือนประเทศไทยกำลังก้าวสู่บรรยากาศของความตึงเครียด มากกว่าบรรยากาศของความรักและธรรมปฏิบัติ ที่สงบเย็น สันติและเบิกบาน
เหตุการณ์ชุมนุมในประเทศของกลุ่ม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
กับกลุ่ม เครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติที่ออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน และกลุ่ม คนเสื้อแดง หรือ นปช. (ซึ่งนัดหมายว่าจะชุมนุนกัน 19 ก.พ.2554)  เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศกับเขมรถึงขั้นปะทะกันในรูปแบบสงครามย่อยๆ  และปรากฏการณ์สินค้าราคาแพงที่กำลังทวีความรุนแรง และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อยจำนวนมากทั้งประเทศ
                สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในเวลานี้ ย่อมสะท้อนถึงเหตุปัจจัย อันเป็นที่มาเป็นของเหตุการณ์ทั้งปวงที่อุบัติขึ้น
                ประการ หนึ่ง ย่อมส่อสะท้อนถึง ความไม่เอาไหนของรัฐบาลในด้านการเมืองการปกครอง ที่ไม่สามารถทำให้รัฐและประชาชน รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้ แม้เวลาจะล่วงเลยมาแล้ว 2 ปี
          และไม่สามารถดำเนินนโยบายสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกับประเทศเขมร ซึ่งเป็น คู่กัดมาตั้งแต่เริ่มต้นรัฐบาลอภิสิทธิ์1 ทำให้ภาพความล้มเหลวของการเมืองระหว่างประเทศกำเริบชัดขึ้น จากสถานการณ์สงครามชายแดนไทย-กัมพูชา
                ประการ หนึ่ง ย่อมส่อสะท้อนถึง ความไม่เอาไหนของรัฐบาลในด้านการบริหารเศรษฐกิจและการค้าในประเทศ แม้ว่าตัวเลขการส่งออกจะดีอย่างต่อเนื่อง แต่ในประเทศกลับเกิดภาวะสินค้าอุปโภคบริโภคราคาแพง สินค้าและผลผลิตการเกษตรขาดแคลน ตัวเลขเงินเฟ้อและค่าครองชีพมีแนวโน้มปรับตัวพุ่งสูงขึ้นจากภาวะน้ำมันแพง และสินค้าราคาแพง
          ประการหนึ่ง ย่อมส่อสะท้อนถึง ความไม่เอาไหนของรัฐบาล ด้าน ธรรมาภิบาล หรือการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี ทำให้ปัญหาสาธารณะกลายเป็นระเบิดแสวงเครื่องในสังคมไทย ที่พร้อมจะระเบิดปัญหาความเดือดร้อนและผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต สวัสดิการและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาสังคมไทย ให้พังพินาศได้ทุกเมื่อ
                เมื่อรัฐบาลไม่เอาไหนเหตุปัจจัยเอกประการสำคัญที่เป็น เหตุแห่งทุกข์แท้จริง จึงพุ่งเป้าไปที่ นักการเมือง ที่เล่นบท รัฐมนตรีและ นายกรัฐมนตรีที่ใช้อำนาจการบริหารรัฐกิจ และปกครองประเทศ อย่างหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้
                แต่หนทางและประเด็นของการดับทุกข์ เพื่อเรียกความรักความสามัคคี ความสงบสันติสุขของรัฐชาติ ของรัฐบาลและนักการเมือง กลับชี้เป้าพุ่งปากกระบอกปืนไปที่ประชาชนเพียงฝ่ายเดียวกระนั้นหรือ?
                ทั้งๆที่ โอวาทปฏิโมกข์บ่มสอนให้ ดับทุกข์...ที่เหตุแห่งทุกข์ และ เหตุสำคัญแห่งทุกข์อยู่ที่ นักการเมืองและรัฐบาล
               
                                                               THANYA101@HOTMAIL.COM
อ่านต่อ >>

วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2554

สวัสดีค่ะ..วันนี้ครูกาญจน์มีเรื่องเล่ามาฝากกันอีกแล้วค่ะ แต่เป็นรื่องเล่าจากเรือนจำของผู้ต้องขังโทษสูงแห่งหนึ่งที่ ครูกาญจน์เคยมีโอกาสเข้าไปให้การอบรมเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติด และได้ขออนุญาตรวมทั้งสัญญากับเขาเหล่านั้นว่า
จะนำเรื่องราวของพวกเขามาเผยแพร่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่น
เรื่องมีอยู่ว่า..ครูกาญจ์ได้เข้าไปเป็นวิทยากรเพียงคนเดียวในหัวข้อ ปัญหาของยาเสพติด เมื่อเข้าไปถึง..ได้พบ..ได้เจอ.ก็รู้สึก
.เอ..เราจะพูด..
จะอบรมพวกเขาอย่างไรไม่ให้กระทบจิตใจ เขาได้ เพราะบางคน อายุมากกว่าเรา บางคน ต้องโทษเพราะคดียาเสพติด
ครูกาญจน์จึงเริ่มต้นโดยการอภิปรายกลุ่ม (ให้เขาเป็นฝ่ายพูดดีกว่า)
แบ่งออกเป็น 3 หัวข้อคือ
1.สาเหตุและแรงจูงใจให้ไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติด
2.เส้นทางการขยายตัวของยาเสพติด
3.การป้องกันที่ดีเพื่อต่อต้านยาเสพติด
พวกเขาต่างผลัดกันแสดงความคิดเห็นและประสบการณ์
ที่ทั้งครูกาญจน์ และผู้คุมเจ้าของโครงการ ก็รู้สึกได้ว่าเป็นการดีที่เราได้รับรู้จากประสบการณ์ตรงของเขา และดีเสียอีกที่เขาเป็นฝ่ายพูด ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
นช.1:ผมเป็นนักซิ่งครับ พี่ในกลุ่มมาท้าว่าถ้า***แน่จริงซิ่งผ่าด่านตำรวจได้กู
ให้ 20,000 บาท พอถูกจับถึงรู้ว่าในรถมียาเสพติดอยู่
นช.2:ผมรับแทนหัวหน้าที่เป็นนักการเมืองครับ เขาสัญญาว่าจะดูแลลูกเมียให้แต่
สุดท้ายเขาก็ทิ้งผม (คนนี้ผู้คุมบอกว่าไม่เคยเปิดปากพูดเลยวันนี้แกคงระบายความในใจ)

นช.3:ผมตั้งใจเลิกแต่พอตำรวจมาล่อซื้อใหราคาแพงลิบ
ผมโลภเองเลยถูกจับ
นช.4: ผมเป็นนักศึกษารอรถเมล์มีคนมาฝากให้ถือของเดียวเพื่อนมาเอา อยู่ ๆ
ตำรวจมาค้นตัวบอกว่าในถุงเป็นยาเสพติด(ปัจจุบันยังสู้คดีอยู่)
นช.5 :ผมเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่งผมแม่มีเชื้อเป็นเจ้าทางไทยใหญ่
เรียนจบมทาก็เปิดบริษัทที่ต้องติดต่อต่างชาติ(เขาบอกว่าเขาได้
สัญชาติออสเตรเลีย)ให้รถไปเทคแคร์ลูกค้าพอถูกจับนึกว่า
รถชนกันธรรมดาตำรวจค้นเจอยา รถเป็นชื่อผมเขาตามไปจับผมที่บริษัทตำรวจบอกว่าผมเป็น
เจ้าพ่อรายใหญ่ (ศาฏีกา ตัดสิน โทษ 33 ปี ปัจุบันติดมา12 ปี)
ที่ครูกาญจน์ นำมาเขียน มาเล่าสู่กันฟังนี้ อาจด้วยวันนี้
เป็นวันครู 16 มค.54
จึงอยากนำประสบการณ์ของผู้ที่พลาดไปแล้ว มาเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ผู้ต้องขังร้อยละ 90 ทุกคนจะเล่าถึงควมไม่ผิดของตยเอง ครูกาญจน์ก็ไม่รู้ว่าเขาโกหก รึเปล่า แต่หลายเรื่องมันเป็นเหตุการที่คาดไม่ถึง หรือว่าไม่น่าเกิดกับเราได้ เช่น นช.ที่ 1 , 4 และ 5 หากเขาไม่ผิด เขาก็น่าสงสารมาก
อีกอย่างเมื่อไม่กี่วันมานี่ครูกาญจน์ได้ติดตามนักเรียนคนหนึ่ง
ที่ขาดเรียนและพบโดยบังเอิญว่าเขากำลังก้าวสู่เส้น
ทางยาเสพติด เราได้แจ้งให้ แม่เขาทราบ และเขาพร้อมที่จะแก้ไขเราในฐานะครูก็ดีใจ ที่ช่วยเขาไว้ได้ทัน พอตอนเย็นไป ตลาดนัดเจอตำรวจจับวัยรุ่นติดยาระยะประชิดตัว ครูกาญจน์จึงรู้สึกว่าในวันเดียวเราเจอเรื่องยาเสพติด 2 เรื่อง จึงได้คิดว่ายาเสพติดกำลังก้าวกระโดดมากขึ้นทุกทีจึงตัดสินใจ
เอาเรื่องนี้มาเขียนอีกครั้งเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
ขอบคุณ..เรื่องเล่าจากผู้ต้องขังคดียาเสพติดที่เข้ารับการอบรมคุณธรรม
ในเรือนจำกลางเขาบินราชบุรี และอาจารย์ ทวี เลขจิตร อนุศานาจารย์(ปัจจุบันท่านย้ายไปอยู่ฑัณทสถานบำบัดพิเศษสงขลา)
ขอให้ผลบุญของการเล่าเรื่องในครั้งนี้จงส่งผลให้บุคคลใน
เรื่องเล่ามีกายและใจที่เป็นสุข
ขอบคุณค่ะ
ครูกาญจน์ค่ะ
อ่านต่อ >>