วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เงินซื้ออะไรได้บ้าง


ตอนนี้หลายคนก้มหน้ากมตาทำงานเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินตรา ปิดเทอมนี้ได้พักผ่อน 3 วัน อยากพักกาย พักใจ เลยมีเรื่องมาเล่าให้อ่านกัน

ทุกวันนี้ที่มาของความเครียดส่วนใหญ่ของผู้คนในสังคม มักมาจากการดิ้นรนหาเงินมาใช้จ่ายแทบทั้งนั้น
บางคนบอกว่าเงินทองเป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ แต่คนที่กระเสือกกระสนอาจจะคิดในมุมกลับว่า เงินทองเป็นของนอกกายก็จริง แต่ไม่ตายยิ่งหาได้ยากเข้าทุกที

มีคนพยายามบอกวิธีทำใจ ไม่ให้เห็นเงินเป็นเรื่องสำคัญเสียจนทำลายความสุขอื่นๆในชีวิตของเรา
เหมือนที่หลายคนหาเงินจนเกือบจะเหมือนการขายวิญญาณในเรื่องเล่าปรัมปราของฝรั่งไปเสียแล้ว ยอมทิ้งเวลาชื่นชมธรรมชาติ ไม่สนเดือนสนตะวัน ทิ้งเวลาหัวเราะหยอกล้อกับลูก เพียงเพราะต้องการหาเงินให้ได้มากขึ้น (ซึ่งเท่าไหร่ก็ดูเหมือนไม่พออยู่นั่นแหละ)
ถ้าเรามองว่าเงินเป็นเรื่อง “ไม่สำคัญ” คงมีหลายคนที่แย้งขึ้นมาทันทีว่า “แต่จำเป็น”
เอางี้ดีกว่า ลองไปดูกันว่า เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่างในโลกนั้นจริงไหม มีอะไรบ้าง?

เงินซื้อบ้านได้ แต่ซื้อความอบอุ่นในบ้านไม่ได้ เงินซื้อเตียงได้ แต่ซื้อการนอนหลับอย่างมีความสุขไม่ได้ เงินซื้อนาฬิกาได้ แต่ซื้อเวลาที่ผ่านไปแล้วไม่ได้ เงินซื้อเลือดได้ แต่ซื้อชีวิตไม่ได้ เงินซื้อเซ็กซ์ได้ แต่ซื้อความรักที่แท้จริงไม่ได้ เงินซื้อตำแหน่งได้ แต่ซื้อความเคารพนับถือไม่ได้ เงินซื้อยาได้ แต่ซื้อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงไม่ได้ เงินซื้อกระดาษปากกาได้ แต่ซื้อความเป็นกวีไม่ได้ เงินซื้อความประจบสอพลอได้ แต่ซื้อความจริงใจไม่ได้ เงินซื้อการตามใจได้ แต่ซื้อความจงรักภักดีไม่ได้ เงินซื้อเพชรนิลจินดาได้ แต่ซื้อความงามไม่ได้ เงินซื้อความสนุกชั่วคราวได้ แต่ซื้อความสุขไม่ได้ เงินซื้อเพื่อนร่วมทางได้ แต่ซื้อเพื่อนแท้ไม่ได้ เงินซื้อเมียที่สวยได้ แต่ซื้อแม่ที่ดีให้ลูกไม่ได้
ในต่างประเทศ เคยมีการทำแบบสอบถามไปยังกลุ่มเศรษฐีเงินล้านขึ้นไป พบว่าพวกเขาส่วนใหญ่ตอบคำถามที่ว่า อะไรทำให้มีความสุข คำตอบได้แก่ นอนแช่อ่างน้ำในห้องน้ำนานๆ บางคนบอกว่ามีความสุขเมื่อได้นอนสักงีบตอนบ่าย หรือได้ออกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ ฯลฯ

ในทางการแพทย์ยืนยันว่า คนที่เข้าใจ ไม่อิฉาริษยา ไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นตลอดเวลา จะเป็นคนที่มีความสุขมากขึ้น สุขภาพก็จะดีขึ้นไปด้วยอย่างน่าอัศจรรย์


มันไม่สำคัญหรอกว่า ส้วมทองคำฝังเพชรของคุณจะราคาเท่าไหร่ มันสำคัญที่ว่า เวลาเข้าส้วมแล้วคุณถ่ายคล่องไหม ถ้าไม่ จงกินผัก!
จริงงงงงมะ.....


อ่านต่อ >>

วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วิ่งตามอะไรกัน



ไม่ได้มาเขียนซะนานก็ยุ่ง ๆช่วงนักเรียนสอบ แต่ก็ไม่ลืมบล็อกนี้อยู่แล้ว


ช่วงนี้เข้าพรรษา เลยมีเรื่องเล่าจากวัดมาให้อ่านกันค่ะ



วิ่งตามอะไรกันในชีวิต


มีเรื่องเล่าว่า...


มีพระองค์หนึ่ง...ชอบทำอะไรแปลกๆ...


วันหนึ่ง...พวกกรุงเทพฯ...เอากฐินไปทอดที่วัด...


จัดงานกันใหญ่โต...มีหนัง...มีลิเก...มีดนตรี...


ผู้คนแห่กันมามืดฟ้ามัวดิน... ก่อนทอดกฐิน..ผู้คนมารวมกันเต็มศาลา...


หลวงพ่อเรียกเด็กวัดมา... บอกให้ไปเอาเนื้อจากโรงครัวมาก้อนหนึ่ง...


แล้วเอาเชือกมาด้วย... หลวงพ่อจัดการ...เอาเนื้อ...ผูกติดกับหลังหมา...


ผูกเสร็จ...ก็ปล่อยหมา ... หมาเห็นเนื้ออยู่บนหลัง...ก็ไล่งับ...


พอหัวโดดงับ...ตัวก็ขยับหนี... เพราะหมามันกัดหลังตัวเองไม่ถึง...


ยิ่งโดดงับเร็ว...ก้อนเนื้อก็หนีเร็ว... โดดไม่หยุด...เนื้อก็หนีไม่หยุด...


น่าสงสารหมามาก... หมาโดดอยู่นาน...งับเท่าไหร่...เนื้อก็ไม่เข้าปากสักที...


ผู้คนบนศาลา...พากันหัวเราะชอบใจ... หัวเราะเยาะหมา...


ว่าทำไมมันถึงโง่ยังงี้... ไล่งับ...จะกินเนื้อ...ที่ตัวเองไม่มีทางไล่ตามทัน ตลอดชีวิต...


หลวงพ่อ...มองดูด้วยความสนุกสนานจนหนำใจแล้ว... ก็แก้เชือกออกมากหลังหมา...


แล้วหันมาพูดกับญาติโยมว่า...


มนุษย์เรา...มีความรู้สึกว่า...


ตัวเองพร่อง...ตัวเองยังไม่เต็ม...


ต้องเติมตลอดเวลา...


เติมไม่หยุด...เพื่อให้ตัวเองเต็ม...


อยากสวย...อยากทันสมัย...


ไปหาซื้อเสื้อผ้าที่สวยที่สุด...ทันสมัยที่สุดใส่...


ดีใจได้เดือนเดียว...มีรุ่นใหม่ออกมาอีกแล้ว...สวยกว่า...ทันสมัยกว่า...


อยากได้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่...


ซื้อเสร็จ ๓ เดือน...รุ่นใหม่ก็โผล่มาอีกแล้ว...


ซื้อคอมพิวเตอร์ทันสมัยที่สุด... ๒ เดือนต่อมา...มีรุ่นใหม่กว่าออกมา...


ของเราตกรุ่น... ซื้อรถเบนซ์...ทันสมัยที่สุด...แพงมาก...


ขับได้ ๖ เดือน...มีรุ่นใหม่ออกมาอีกแล้ว... ทันสมัยกว่า...แพงกว่า...


ของเรากลายเป็นเชย... เราต้องก้มหน้าก้มตา...ทำงานทั้งวัน ทั้งคืน...


หาเงินมา... เพื่อมาทำให้ตัวเองทันสมัย...


ซื้อเสื้อผ้าใหม่...มือถือใหม่...คอมพิวเตอร์ใหม่...


รถยนต์คันใหม่... เหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส... เพื่อไม่ให้ตัวเองตกรุ่น...


ปัจจุบัน... เรากำลังไล่งับความทันสมัย...


เหมือนหมาที่ไล่งับเนื้อบนหลังของมัน...


ทั้งที่รู้ว่า...ต่อให้ไล่งับทั้งชีวิต...ก็ไม่มีทางตามทัน...


น่าสงสารไหมโยม... คนเต็มศาลา...เมื่อกี้หัวเราะครึกครื้น...


ด่าว่า...หมามันโง่...


ตอนนี้เงียบสนิท...เหมือนไม่มีคนอยู่...


ไม่รู้ว่า...กำลังสงสารหมา...


หรือ...กำลังทบทวนความโง่...ตัวเอง

อยู่อย่างพอเพียงตามรอยพ่อ
อ่านต่อ >>