สวัสดีค่ะ..วันนี้ครูกาญจน์มีเรื่องเล่ามาฝากกันอีกแล้วค่ะ แต่เป็นรื่องเล่าจากเรือนจำของผู้ต้องขังโทษสูงแห่งหนึ่งที่ ครูกาญจน์เคยมีโอกาสเข้าไปให้การอบรมเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติด และได้ขออนุญาตรวมทั้งสัญญากับเขาเหล่านั้นว่า
จะนำเรื่องราวของพวกเขามาเผยแพร่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่น
เรื่องมีอยู่ว่า..ครูกาญจ์ได้เข้าไปเป็นวิทยากรเพียงคนเดียวในหัวข้อ ปัญหาของยาเสพติด เมื่อเข้าไปถึง..ได้พบ..ได้เจอ.ก็รู้สึก
.เอ..เราจะพูด..
จะอบรมพวกเขาอย่างไรไม่ให้กระทบจิตใจ เขาได้ เพราะบางคน อายุมากกว่าเรา บางคน ต้องโทษเพราะคดียาเสพติด
ครูกาญจน์จึงเริ่มต้นโดยการอภิปรายกลุ่ม (ให้เขาเป็นฝ่ายพูดดีกว่า)
แบ่งออกเป็น 3 หัวข้อคือ
1.สาเหตุและแรงจูงใจให้ไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติด
2.เส้นทางการขยายตัวของยาเสพติด
3.การป้องกันที่ดีเพื่อต่อต้านยาเสพติด
พวกเขาต่างผลัดกันแสดงความคิดเห็นและประสบการณ์
ที่ทั้งครูกาญจน์ และผู้คุมเจ้าของโครงการ ก็รู้สึกได้ว่าเป็นการดีที่เราได้รับรู้จากประสบการณ์ตรงของเขา และดีเสียอีกที่เขาเป็นฝ่ายพูด ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
นช.1:ผมเป็นนักซิ่งครับ พี่ในกลุ่มมาท้าว่าถ้า***แน่จริงซิ่งผ่าด่านตำรวจได้กู
ให้ 20,000 บาท พอถูกจับถึงรู้ว่าในรถมียาเสพติดอยู่
นช.2:ผมรับแทนหัวหน้าที่เป็นนักการเมืองครับ เขาสัญญาว่าจะดูแลลูกเมียให้แต่
สุดท้ายเขาก็ทิ้งผม (คนนี้ผู้คุมบอกว่าไม่เคยเปิดปากพูดเลยวันนี้แกคงระบายความในใจ)
นช.3:ผมตั้งใจเลิกแต่พอตำรวจมาล่อซื้อใหราคาแพงลิบ
ผมโลภเองเลยถูกจับ
นช.4: ผมเป็นนักศึกษารอรถเมล์มีคนมาฝากให้ถือของเดียวเพื่อนมาเอา อยู่ ๆ
ตำรวจมาค้นตัวบอกว่าในถุงเป็นยาเสพติด(ปัจจุบันยังสู้คดีอยู่)
นช.5 :ผมเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่งผมแม่มีเชื้อเป็นเจ้าทางไทยใหญ่
เรียนจบมทาก็เปิดบริษัทที่ต้องติดต่อต่างชาติ(เขาบอกว่าเขาได้
สัญชาติออสเตรเลีย)ให้รถไปเทคแคร์ลูกค้าพอถูกจับนึกว่า
รถชนกันธรรมดาตำรวจค้นเจอยา รถเป็นชื่อผมเขาตามไปจับผมที่บริษัทตำรวจบอกว่าผมเป็น
เจ้าพ่อรายใหญ่ (ศาฏีกา ตัดสิน โทษ 33 ปี ปัจุบันติดมา12 ปี)
ที่ครูกาญจน์ นำมาเขียน มาเล่าสู่กันฟังนี้ อาจด้วยวันนี้
เป็นวันครู 16 มค.54
จึงอยากนำประสบการณ์ของผู้ที่พลาดไปแล้ว มาเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ผู้ต้องขังร้อยละ 90 ทุกคนจะเล่าถึงควมไม่ผิดของตยเอง ครูกาญจน์ก็ไม่รู้ว่าเขาโกหก รึเปล่า แต่หลายเรื่องมันเป็นเหตุการที่คาดไม่ถึง หรือว่าไม่น่าเกิดกับเราได้ เช่น นช.ที่ 1 , 4 และ 5 หากเขาไม่ผิด เขาก็น่าสงสารมาก
อีกอย่างเมื่อไม่กี่วันมานี่ครูกาญจน์ได้ติดตามนักเรียนคนหนึ่ง
ที่ขาดเรียนและพบโดยบังเอิญว่าเขากำลังก้าวสู่เส้น
ทางยาเสพติด เราได้แจ้งให้ แม่เขาทราบ และเขาพร้อมที่จะแก้ไขเราในฐานะครูก็ดีใจ ที่ช่วยเขาไว้ได้ทัน พอตอนเย็นไป ตลาดนัดเจอตำรวจจับวัยรุ่นติดยาระยะประชิดตัว ครูกาญจน์จึงรู้สึกว่าในวันเดียวเราเจอเรื่องยาเสพติด 2 เรื่อง จึงได้คิดว่ายาเสพติดกำลังก้าวกระโดดมากขึ้นทุกทีจึงตัดสินใจ
เอาเรื่องนี้มาเขียนอีกครั้งเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
ขอบคุณ..เรื่องเล่าจากผู้ต้องขังคดียาเสพติดที่เข้ารับการอบรมคุณธรรม
ในเรือนจำกลางเขาบินราชบุรี และอาจารย์ ทวี เลขจิตร อนุศานาจารย์(ปัจจุบันท่านย้ายไปอยู่ฑัณทสถานบำบัดพิเศษสงขลา)
ขอให้ผลบุญของการเล่าเรื่องในครั้งนี้จงส่งผลให้บุคคลใน
เรื่องเล่ามีกายและใจที่เป็นสุข
ขอบคุณค่ะ
ครูกาญจน์ค่ะ
จะนำเรื่องราวของพวกเขามาเผยแพร่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่น
เรื่องมีอยู่ว่า..ครูกาญจ์ได้เข้าไปเป็นวิทยากรเพียงคนเดียวในหัวข้อ ปัญหาของยาเสพติด เมื่อเข้าไปถึง..ได้พบ..ได้เจอ.ก็รู้สึก
.เอ..เราจะพูด..
จะอบรมพวกเขาอย่างไรไม่ให้กระทบจิตใจ เขาได้ เพราะบางคน อายุมากกว่าเรา บางคน ต้องโทษเพราะคดียาเสพติด
ครูกาญจน์จึงเริ่มต้นโดยการอภิปรายกลุ่ม (ให้เขาเป็นฝ่ายพูดดีกว่า)
แบ่งออกเป็น 3 หัวข้อคือ
1.สาเหตุและแรงจูงใจให้ไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติด
2.เส้นทางการขยายตัวของยาเสพติด
3.การป้องกันที่ดีเพื่อต่อต้านยาเสพติด
พวกเขาต่างผลัดกันแสดงความคิดเห็นและประสบการณ์
ที่ทั้งครูกาญจน์ และผู้คุมเจ้าของโครงการ ก็รู้สึกได้ว่าเป็นการดีที่เราได้รับรู้จากประสบการณ์ตรงของเขา และดีเสียอีกที่เขาเป็นฝ่ายพูด ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
นช.1:ผมเป็นนักซิ่งครับ พี่ในกลุ่มมาท้าว่าถ้า***แน่จริงซิ่งผ่าด่านตำรวจได้กู
ให้ 20,000 บาท พอถูกจับถึงรู้ว่าในรถมียาเสพติดอยู่
นช.2:ผมรับแทนหัวหน้าที่เป็นนักการเมืองครับ เขาสัญญาว่าจะดูแลลูกเมียให้แต่
สุดท้ายเขาก็ทิ้งผม (คนนี้ผู้คุมบอกว่าไม่เคยเปิดปากพูดเลยวันนี้แกคงระบายความในใจ)
นช.3:ผมตั้งใจเลิกแต่พอตำรวจมาล่อซื้อใหราคาแพงลิบ
ผมโลภเองเลยถูกจับ
นช.4: ผมเป็นนักศึกษารอรถเมล์มีคนมาฝากให้ถือของเดียวเพื่อนมาเอา อยู่ ๆ
ตำรวจมาค้นตัวบอกว่าในถุงเป็นยาเสพติด(ปัจจุบันยังสู้คดีอยู่)
นช.5 :ผมเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่งผมแม่มีเชื้อเป็นเจ้าทางไทยใหญ่
เรียนจบมทาก็เปิดบริษัทที่ต้องติดต่อต่างชาติ(เขาบอกว่าเขาได้
สัญชาติออสเตรเลีย)ให้รถไปเทคแคร์ลูกค้าพอถูกจับนึกว่า
รถชนกันธรรมดาตำรวจค้นเจอยา รถเป็นชื่อผมเขาตามไปจับผมที่บริษัทตำรวจบอกว่าผมเป็น
เจ้าพ่อรายใหญ่ (ศาฏีกา ตัดสิน โทษ 33 ปี ปัจุบันติดมา12 ปี)
ที่ครูกาญจน์ นำมาเขียน มาเล่าสู่กันฟังนี้ อาจด้วยวันนี้
เป็นวันครู 16 มค.54
จึงอยากนำประสบการณ์ของผู้ที่พลาดไปแล้ว มาเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ผู้ต้องขังร้อยละ 90 ทุกคนจะเล่าถึงควมไม่ผิดของตยเอง ครูกาญจน์ก็ไม่รู้ว่าเขาโกหก รึเปล่า แต่หลายเรื่องมันเป็นเหตุการที่คาดไม่ถึง หรือว่าไม่น่าเกิดกับเราได้ เช่น นช.ที่ 1 , 4 และ 5 หากเขาไม่ผิด เขาก็น่าสงสารมาก
อีกอย่างเมื่อไม่กี่วันมานี่ครูกาญจน์ได้ติดตามนักเรียนคนหนึ่ง
ที่ขาดเรียนและพบโดยบังเอิญว่าเขากำลังก้าวสู่เส้น
ทางยาเสพติด เราได้แจ้งให้ แม่เขาทราบ และเขาพร้อมที่จะแก้ไขเราในฐานะครูก็ดีใจ ที่ช่วยเขาไว้ได้ทัน พอตอนเย็นไป ตลาดนัดเจอตำรวจจับวัยรุ่นติดยาระยะประชิดตัว ครูกาญจน์จึงรู้สึกว่าในวันเดียวเราเจอเรื่องยาเสพติด 2 เรื่อง จึงได้คิดว่ายาเสพติดกำลังก้าวกระโดดมากขึ้นทุกทีจึงตัดสินใจ
เอาเรื่องนี้มาเขียนอีกครั้งเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
ขอบคุณ..เรื่องเล่าจากผู้ต้องขังคดียาเสพติดที่เข้ารับการอบรมคุณธรรม
ในเรือนจำกลางเขาบินราชบุรี และอาจารย์ ทวี เลขจิตร อนุศานาจารย์(ปัจจุบันท่านย้ายไปอยู่ฑัณทสถานบำบัดพิเศษสงขลา)
ขอให้ผลบุญของการเล่าเรื่องในครั้งนี้จงส่งผลให้บุคคลใน
เรื่องเล่ามีกายและใจที่เป็นสุข
ขอบคุณค่ะ
ครูกาญจน์ค่ะ